ทำไมต้องตัดสินใจเข้ามาร่วมธุรกิจที่นี่ !! ไม่ใช่เพียงเพราะอยู่ต้นสายธุรกิจเท่านั้น แต่ที่นี่ ตอบโจทย์ธุรกิจ ทุกประเด็น เรากำลังฟอร์มทีมงานต้นสายประเทศไทย รับสมัครผู้นำทุกค่ายที่สนใจ มาเลยนะคะ อย่าช้า พลาดแล้วท่านอาจเสียใจ กับโอกาสดีที่สุดในช่วงเวลานี้ ข้อมูลของบริษัท Wor(l)d ที่นักธุรกิจเครือข่ายทั่วโลก กำลังจ้องและพร้อมที่จะเข้าร่วมธุรกิจกว่า 80% วงการเครือข่ายครั้งนี้จะสะเทือนอีกครั้ง...ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่ครบ 7องค์ประกอบที่สุดกำลังเริ่มเติบโต .......และที่สำคัญบริษัทที่มั่นคงนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2011-2015 ใน 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้จัก จนในที่สุดได้ในปี 2015 ที่ผ่านมาได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ใน London / Singapore (ลอนดอน/สิงค์โปร) ในบริษัทแม่ที่ชื่อ "World Media Technology" โดยมีบริษัทลูก ที่เป็นระบบการตลาดแบบ Network Marketing ซึ่งอยู่ๆตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2011-2015 ได้ดำเนินการเปิดธุรกิจ Wor(l)d กว่า 10 ประเทศ มีนักธุรกิจ โดยประมาณ 700,000 Member โดยบริษัท #ได้จ่ายค่าคอมมิชชั่นไปแล้วกว่า 100,000,000$ USdolla -ติด 1 ใน 100 บริษัทขายตรงที่แข็งแกร่งที่สุด -ติด 1 ใน 10 ประธานบริหารชั้นนำสองปีซ้อน -ติดอันดับ 4 ใน 100 อันดับแรงกระตุ้นการขายยอดเยี่ยม -อันดับ 4 ใน10 อันดับเว็ปไซต์ธุรกิจเครือข่ายของโลกที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด -ติด 1 ใน 150 ผู้มีรายรับมากที่สุดทั่วโลก และ อันดับ 6 ผู้นำธุรกิจชั้นนำ

ความแตกต่างระหว่าง ผู้จัดการ กับ ผู้นำ

ภาวะ "ผู้นำ" มีได้โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง "ผู้จัดการ" และคนที่เป็น "ผู้จัดการ" ไม่ใช่ทุกคนที่มี ภาวะ "ผู้นำ" ภาวะผู้นำ หรือในภาษาอังกฤษที่ทุกคนคุ้นหูกันก็คือ Leadership ใมันเป็นเทรนด์ในการพัฒนาบุคลากรสมัยใหม่ที่เน้นการพัฒนาให้ทุกๆ คน ในองค์กรมีภาวะผู้นำ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแค่บุคลากรที่ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการ เท่านั้น
ในโลกการทำงานในปัจจุบัน ความสำเร็จของการทำงานนั้นขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันเป็นทีม (Teamwork) มากกว่าจะพึ่งการทำงาน แบบ One Man Show ทีมไหน หน่วยงานไหนมีบรรยากาศการทำงานเป็นทีมที่สร้างสรรค์ มีแนวโน้มสูงว่าจะทำงานได้สำเร็จและมีประสิทธิภาพ ซึ่งคนเราจะทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ดี สมาชิกในทีม ควรจะมีภาวะผู้นำ ควบคู่ไปกับความสามารถในการบริหารจัดการงาน โครงสร้างองค์กรสมัยใหม่จึงมีลักษณะของ Flat Organization มากกว่าจะมี Hierarchy หลายลำดับชั้น จากเทรนด์ของการทำงานและโครงสร้างขององค์กรที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้องค์กรส่วนใหญ่ ต่างเฟ้นหาบุคลากรที่มีภาวะผู้นำสูงเข้ามา ช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่ตั้งไว้ มากกว่าต้องการเพียงแค่ผู้จัดการเก่งๆ เข้ามาบริหารจัดการงาน ลองมาดูตัวอย่างความแตกต่างของแนวคิด และวิธีการของ ผู้จัดการ และ ผู้นำ
ผู้จัดการ >> มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ มากกว่าลูกน้อง และมักจะตัดสินใจบนพื้นฐานความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของตนเอง ผู้นำ >> อาจจะไม่ได้มีความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ มากกว่า แต่สามารถ บริหารจัดการ ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของทุกๆ คน เพื่อประกอบการตัดสินใจ ผู้จัดการ >> เน้นกฎ ระเบียบ กติกา ขององค์กร ในการบริหารจัดการประสิทธิภาพของทีม ผู้นำ >> เน้นการมีส่วนร่วม การเข้าใจเป้าหมายร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทีม ผู้จัดการ >> มอบหมายงาน ผู้นำ >> มอบหมายแรงบันดาลใจในการทำงาน ผู้จัดการ >> มุ่งรับและส่งต่อนโยบาย และเป้าหมายจากผู้บริหารลงมาสู่ทีม ด้วยแนวความคิดว่าพนักงานทุกคนต้องปฏิบัติตามนโยบายบริษัท ผู้นำ >> รับและส่งต่อนโยบายจากผู้บริหารลงมาสู่ทีม โดยพยายามสื่อสารความเชื่อมโยงของนโยบาย และเป้าหมายของผู้บริหาร ให้เข้ากับเป้าหมายของทีม และเป้าหมายส่วนตัวของสมาชิกในทีม ผู้จัดการ >> ต้องการให้ลูกน้องมีวิธีการทำงาน ในแบบเดียวกันกับตน และพยายามคัดเลือกลูกน้องทีมีลักษณะคล้ายๆ กับตนเอง ผู้นำ >> เห็นคุณค่าของความแตกต่าง และให้อิสระในวิธีการทำงาน ภายใต้กรอบการทำงานที่ได้ตกลงร่วมกันกับทีม ผู้จัดการ >> ตีกรอบการทำงานตาม Job Description เป็นหนัก ผู้นำ >> วางกรอบการทำงานตามเป้าหมายที่ได้ตกลงร่วมกัน ผู้จัดการ >> เน้นรักษาความสันพันธ์ โดยเลือกแสดงความเห็นเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ผู้นำ >> แสดงความเห็น ในทุกเรื่องที่จะมีส่วนผลักดันให้งานสำเร็จตามเป้าหมาย โดยพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้ด้วย ผู้จัดการ >> ความเห็นของผู้บังคับบัญชาในระดับที่สูงกว่า เป็นเรื่องสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง ผู้นำ >> ความเห็นของผู้บังคับบัญชาในระดับที่สูงกว่า มีความสำคัญมากๆ พอกับ ความเห็นของลูกทีม และเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน ที่จะนำมาปรับปรุงพัฒนาตนเอง ผู้จัดการ >> จะกล้าตัดสินใจ หรือตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อมีข้อมูลที่ต้องการครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้นำ >> สามารถวิเคราะห์และประเมินเพื่อตัดสินใจเบื้องต้นได้ อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ข้อมูลยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้จัดการ >> เน้นความสัมพันธ์แบบ Win - Lose กับคู่เจรจา เห็นประโยชน์และความสำคัญของผลกำไร/ความได้เปรียบ ผู้นำ >> เน้นความสัมพันธ์แบบ Win - Win กับคู่เจรจา เห็นประโยชน์และความสำคัญของพันธมิตรทางธุรกิจ (Partnerhsip) มากกว่าผลกำไร/ความได้เปรียบ ผู้จัดการ >> การเปลี่ยนแปลง คือ อุปสรรคในการบริหารจัดการทีม ผู้นำ >> การเปลี่ยนแปลง คือ เรื่องปกติ ที่ต้องเตรียมพร้อมให้ทีมงานรับมือได้ ผู้จัดการ >> มองเรื่องการพัฒนาความรู้และความสามารถเป็นหน้าที่ขององค์กร ที่ต้องรับผิดชอบวางแผน และจัดการให้ ผู้นำ >> มองเรื่องการพัฒนาความรู้และความสามารถเป็นความรับผิดชอบส่วนตน ที่ทุกคนต้องรับผิดชอบตนเอง ผู้จัดการ >> เน้นเรื่องการขึ้นเงินเดือน และโบนัส สร้างแรงจูงใจให้กับทีม ผู้นำ >> เน้นเรื่องการพัฒนาศักยภาพ และ ความก้าวหน้าในงาน สร้างแรงจูงใจให้กับทีม
    จากตัวอย่างข้างต้น เราคงพอจะมองออกว่า ความแตกต่างของผู้จัดการ และผู้นำเป็นอย่างไร ในภาวะที่ธุรกิจมีการแข่งขันสูง องค์กรส่วนใหญ่ เน้นการจัดการทรัพยากรในการบริหาร ทั้งคน และเงิน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด บุคลากรที่มีภาวะผู้นำสูง สามารถทำงาน แก้ไขปัญหา และตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้ง่าย โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้บังคับบัญชาในทุกขั้นทุกตอน จึงเป็นที่ต้องการมากกว่าบุคลากรที่ถนัดทำตามคำสั่ง ปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงได้ยาก หรือ ไม่รู้จักพัฒนาตนเอง สำหรับผู้ที่กำลังดำรงตำแหน่งผู้จัดการและยังขาดภาวะผู้นำอยู่ อาจจะต้องเริ่มพัฒนาตนเองให้มีความเป็นผู้นำมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันพนักงาน ธรรมดาๆ ที่ไม่มีตำแหน่ง ก็สามารถสร้างภาวะผู้นำให้ตนเองได้ เพื่อที่จะได้เป็นบุคลากรที่น่าพึงปรารถนาสำหรับองค์กร หากจะรอให้ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการ บางทีวันนั้นก็อาจจะมาไม่ถึง แต่ภาวะผู้นำคุณสร้างได้ด้วยตัวเองตั้งแต่วันนี้...ภาวะผู้นำสร้างได้!!!